【ตรวจ16กันยายน2565】'เจจินตัย' ทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศ แต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝัน-ลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวร | เดลินิวส์

หายหน้าหายตาากวงการบันเทิงไปนาน สำหรับ เจจินตัย นักแสดงหนุ่มเจ้าบทบาท ที่หลังจากเกิดสถานการณ์โควิดระบาด ก็ได้หอบครอครัวย้ายไปอยู่อเมริกา แต่ล่าสุด เจจินตัยได้ ควงภรรยาสาวคนสวย บี อิสราวรรณ และลูกสาว น้องพลอยเจ ที่ตอนนี้ทั้งครอบครัวกลับมาอยู่ไทยถาวรแล้ว พร้อมเปิดชีวิตครอบครัวหลังไปตั้งรกรากใช้ชีวิตที่อเมริกานานกว่า 2 ปี บอกเลยว่าเกือบทำให้ชีวิตครอบครัวไปไม่รอด เผยสาเหตุอะไรที่ทำให้ตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทย เคลียร์เรื่องราวที่กำลังเป็นข่าวหลังโดนคุณหมอเก๊โกงเงินสูญไปกว่า 3 ล้านบาท ในรายการคุยแซ่บShow โดย เจจินตัย เผยว่า

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

ย้ายไปอยู่อเมริกา เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เรื่องแรกคือโควิด พออยู่ในออนไลน์ลูกเขาไม่มีสมาธิที่จะเรียนออนไลน์ เพื่อนที่อยู่อเมริกาก็เลยแนะนำว่าลองให้มาเรียนที่อเมริกา ตอนนั้นขายรถ ขายที่ ขายคอนโดตอนแรกไปเซอร์เวย์ก่อนแล้วก็ไปดูว่าเราจะอยู่อย่างนี้นะ โรงเรียนจะเป็นอย่างนี้ แต่เราไปสั้นประมาณเดือนนึง ใช่ แต่ว่าแชร์แชร์ในองค์กรเพราะว่าร้านอาหารจะมีหลายสาขา เรามีอยู่สองสาขาที่เราไปลงทุนใหม่ ตรงนั้นเป็นสำนักงานใหญ่แล้วเราก็แชร์กับพาร์ทเนอร์ก็คือไปอยู่รวมก่อน ซื้อบ้านที่โน่นไม่ง่ายมันต้องมีพ้อยท์ มีเครดิตสกอร์ ไม่สามารถที่จะเอาเงินสดไปซื้อ ไม่ได้

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

บี อิสราวรรณ เผยว่า ขายทุกอย่างเลยเพราะว่าเรารู้สึกว่าเราต้องย้ายจะไม่มีใครดูทรัพย์สินให้เรา เพราะว่าทางคุณแม่ก็อายุเยอะแล้ว เราต้องเคลียร์ตัวเองก่อนที่จะไป เพราะเราคิดว่าเราคงไม่ได้กลับมาแล้ว ต้องยาวเลย เพราะเหมือนเราทิ้งทุกอย่างที่นี่แล้ว เราตัดสินใจแล้วว่าเราทิ้งทุกอย่างที่นี่เพื่อลูกได้ไปเรียนที่นู่น เป็นการติดสินใจครั้งใหญ่มาก คือก่อนที่เราจะไปอยู่จริงๆเราก็ลองไปอยู่ซักเดือนนึง อารมณ์เหมือนไปเที่ยวไปลองอยู่ ตอนไปเซอร์เวย์เราอยู่ได้นะคือยังไงมันก็ไม่เหมือนอยู่จริงเนอะแต่เราไม่รู้ว่ายังไง แต่พอเราไปอยู่จริงมันไม่เหมือนเลย มันแย่มากๆนะ ความที่เราต้องปรับตัวหลายๆอย่าง ทั้งตัวเราเองด้วย ทั้งลูกด้วย สิ่งแวดล้อม สังคม

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

เจจินตัย เผยต่อว่า กดดันหลายๆอย่าง มันเหมือนอยู่กันแค่ 3 คน อยู่ที่นี่ยังช่วยเหลือกันได้ มีเพื่อนผม เราเครียดเรื่องลูก เรื่องงาน เรื่องวัฒนธรรม เรื่องสภาพแวดล้อมที่มันเปลี่ยนหมดเลย มันก็เลยตึงกันไปแล้วก็ไม่ได้คุย เรารู้อยู่แล้วว่ามันมีอะไรที่มันกดดันเราอยู่บ้าง มันหลายๆอย่างมาก ที่มันรู้สึกว่าไม่คุยกันดีกว่าชีวิตจริงมันคนละเรื่องหมดเลย มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดพลิกแพลง มันเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องมันเกิดขึ้น แต่ก็เป็นประสบการณ์ จะเหลือแค่การสนทนาเกี่ยวกับลูก ไม่ใช่ไม่พูดกันเลย เกือบครับ ผมไม่เคยร้าวรานนานขนาดนั้นเลยเราก็เลยทบทวนตัวเองใหม่เพราะว่าผมกับบีก็แยะแยะแหละ สุดท้ายก็ต้องประคองเพราะว่าคนท่ีเจ็บปวดที่สุดคือลูก เราก็ลดกำแพงลง เข้าไปกอดไม่ต้องพูดอะไรเลย ทำตัวใหม่ ไม่มีมาคุยกันนะไม่ต้องความรู้สึกมันชัดมาก

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

รักครับ รักเลยครับ เมื่อไหร่มันก็มีแค่เรา 3 คนที่ไปเจอประสายการณ์ครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ดีเท่าเราสองคน ไม่รู้จะคุยกับใครแล้วเข้าใจเท่ากับเราสองคน มันแน่นแฟ้น เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลย เมื่อก่อนจะเป็นคนที่อะไรก็ได้ง่ายๆให้อภัยได้ ตอนนนี้ก็คือไม่ใช่ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ มันทำให้เราตเองถูกต้องในทุกเรื่องอย่าไปอ่อนแอจนเกินไป มันไม่มีจริงในความหวังดีที่เราคิด  คิดครับ แต่รู้สึกว่ากำลังเรียนรู้ กำลังทำทุกอย่างเองเป็นแล้ว กำลังรู้โลเคชั่นต่างๆ เราก็บู๊กันหมดไปทำใบขับขี่เอง ทำไอดีเปิดบัญชี ทุกอย่างที่เป็นธุรกรรมเราพยายามที่จะศึกษาเองเพื่อที่ให้เข้าใจได้ไว ตอนที่ไม่กลับมาเพราะรู้สึกว่าถ้ากลับมามันจะขาดช่วง เราก็เลยลากเต็มสองปีโดยที่ไม่กลับไทยเลย เราเข้าใจระบบการใช้ชีวิตแล้ว ได้เวลากลับมาซัมเมอร์แล้ว เขาปิดเทอมใหญ่ก็กลับมาหาแม่กัน ตอนแรกตั้งใจมาซัมเมอร์เฉยๆ สุดท้ายแม่ผมได้ยินจากน้องมาเรื่อยๆว่าไม่สบาย บีก็มีแม่คนเดียว เราก็มาตัดสินใจกันว่าเอายังไงดี ถ้าไปรอบนี้อย่างที่บอกมันต้องไปยาว เราเป็นพาร์ทเนอร์กับหุ้นส่วนอื่นๆ ตั้งใจว่าเราอยากจะมีร้านมีธุรกิจของเราแบบ 100% ซึ่งขั้นต่ำในการอยู่ต้องมี 5 ปี ต้องตัดสินใจคิดว่าเอายังไงดี พอมาถามพลอยเจ พลอยเจไม่อยากไปแล้วอยากอยู่นี่ งั้นก็จบเลย  

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

บี อิสราวรรณ เผยต่อว่า เป็นเพราะความเครียดใช่ค่ะ พอไปถึงแล้วมันไม่เหมือนเลย เหลือแค่สนทนาว่าใครจะดูลูกยังไง ใครจะไปรับไปส่ง เพราะว่าต้องสลับกันตลอดเพราะควาที่ทำงานหนักกันทั้งคู่อยู่ที่โน่นต้องช่วยกันทำงาน ซื้ออะไร ลูกทานข้าวอะไร แค่นั้น มันสอนอะไรเราเยอะมาก เช่น ตอนบีไปเราเป็นผู้หญิงเนอะเรารู้สึกเจ็บปวดมากเลย เหมือนเราย้ายครอบครัวมา เอาลูกมา ต้องประคองลูก ตัวเองก็ร้าวรานเหมือนกัน ในขณะที่ลูกเราต้องทำเหมือนไม่เป็นอะไร เขาก็รู้ยังไงก็ปิดเขาไม่มิดเพราะเขาโตแล้ว มันเป็นความเจ็บปวดที่ทรมาน ทั้งที่ตอนอยู่ไทยเราไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ครอบครัวเราปกติมาก มันคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไง สุดท้ายผ่านมาแล้วมันทำให้เรารียนรู้นะ สุดท้ายแล้วเป็นครอบครัวกันเราต้องฟังกันเยอะๆเราต้องคุยกัน เราจะเห็นคนอื่น มองคนอื่น หรือแม้กระทั่งอะไรก็แล้วแต่อย่างน้อยเขาก็เรียนรู้ว่าครอบครัวสำคัญที่สุด

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

น้องพลอยเจ เผยถึงเหตุการณ์ที่ถูกบูลลี่ว่า เขาบอกว่าเป็นเด็กไทยเขาก็เลยไม่เล่นด้วย เริ่มมาผลักหนู แล้วก็เหมือนมาแกล้ง หนูก็อยู่เฉยๆ บางทีเขาก็เอากระดาษมาแปะกระเป๋าหนู เริ่มทำเกินไป แล้วหนูก็ร้องไห้หนูก็ไม่ชอบ เป็นอยู่ประมาณเดือนนึง หนูไม่อยากโดนเพื่อนแกล้งค่ะ

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

เจจินตัย พูดเสริม ไปโรงเรียนไปคุยกับคุณครูแต่ก็ไม่เกิดผลเขาก็รับเรื่องไว้ ก็เป็นการติดต่อยาก จะไปเจอครูก็ต้องมีอีเมล์เป็นการนัดหมายล่วงหน้า ไม่สามารถจะเดินไปแบบที่ไทยว่าคุณครูครับเรามีปัญหาอันนี้แล้วเคลียร์กันได้เลย ได้แต่ไปเจอครู อีเมล์นัดเจอ พอนัดเจอก็บอกว่ามีปัญหาแบบนี้เขาก็บอกว่าจะดูให้ เขาบอกว่าแรกอย่างนี้แหละ เวลาเด็กทุกคนมาก็ปรับตัวแบบนี้แหละอาจจะยังไม่ชินกับที่นี่

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

บี เล่าเหตุการณ์ถูกหมอเก๊หลอกว่า คือตอนแรกกลับมาก็คือมีรุ่นพี่คนนึ่งเป็นคุณหมอก็คุยกันว่าเขาอยากจะเปิดคลีนิคเพิ่ม 10 สาขา เพราะตัวเขาอยู่โรงพยาบาลใหญ่อยู่แล้ว เราก็วิ่งหาดูที่คลีนิคไปเรื่อยๆ กลับมาอีกทีประเทศไทยเปลี่ยนไปแล้วค่ะมิจฉาชีพเยอะมาก ความที่เราวิ่งหาคลีนิคก็เจอ เขาก็วิ่งหาคลีนิคเหมือนกันแล้วเขาก็แนะนำว่าเขาเป็นหมอ ตอนแรกเขาก็เอาใบ ว.แพทย์มา เอามาก็คือปลอมมาซึ่งเราก็ไม่รู้ เราก็บอกว่าทำไมไม่ค่อยเหมือน เขาก็บอกว่าเขาศัลยกรรมมาหมดเลยนะก็จะไม่เหมือน

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

เจจินตัย เล่าต่อว่า เริ่มระแคะระคายเพราะไม่เคยออกเงินเลย ลงเงินเท่าไหร่เขาก็บอกว่าพี่บีออกให้หนูก่อนนะ แรกๆก็ลงเครื่องมือมาประมาณล้านนึงนะคะ ต้องซื้อของมาตุน แต่พี่บีออกให้ก่อนนะ บีโอนให้ พอโอนให้เสร็จอีกวันนึงไปเช่ารถ 911 สีเหลืองมาแบบอลังการให้เรารู้สึกว่าน่าเชื่อถือ ทีนี้พอมาถึงเรื่องค่าเช่าพี่บีออกให้อีกนะ ทีนี้เราก็ไปตรวจหาชื่อเขาในแพทยสภาเรารู้ชื่อจริงเขาก็ไปตรวจในแพทยสภาไม่ใช่ไม่มีชื่อในแพทยสภาก็คือไม่มีหมอแล้ว เข้าใจเลยว่าจะล้มทั้งยืนเป็นยังไง นอนไม่หลับตลอดเลย สุดท้ายพอได้ชื่อเขาไปเช็คนอกจากไม่เป็นแพทย์แล้วก็มิจฉาชีพเลย มีคดีความเพียบ  เจอที่ตึกพอดีครับ แล้วเขาก็บอกว่าทำด้วยกันมั้ย เขาก็ชวนเลย เราก็รู้สึกว่าเราถนัดพวกมาร์เก็ตติ้งเราถนัดหน้าบ้าน บีบริหาร เราไม่มีหมอ เขาบอกเขาถนัดหมอแต่ไม่มีหน้าบ้านมาจอยกันมั้ยห้าสิบห้าสิบก็เลยเปิดบริษัทร่วมกัน ด้วยโปรไฟล์เขานั่งรถตู้ใส่ปาเต๊ะ 16 ล้าน โปรไฟล์ดีมาก สรุปของเก๊หมดเลย รถก็เช่ามา เขาหนักประมาณ 130 แล้วไปผ่ากระเพาะตัวแบนเหลือ 70 แล้วมันไม่เหมือน เสียเงิน 3 ล้านกว่า

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

ขอบคุณภาพประกอบจาก: คุยแซ่บShow

เจจินตัยทิ้งทุกอย่างตั้งใจย้ายประเทศแต่ชีวิตไม่เป็นดั่งฝันลูกโดนบูลลี่กลับไทยถาวรเดลินิวส์

很赞哦!（35354）